5 เทคนิคอ่านกราฟกองทุนรวม ดูเทรนด์ให้ชัด เข้าออกได้ถูกทาง

บทความโดย เอิร์ท ภาสวุฒิ

หลายคนอยากใช้กราฟช่วยดูจังหวะลงทุนในกองทุน แต่พอเปิดกราฟขึ้นมาจริงๆ กลับไม่รู้จะเริ่มดูตรงไหน เพราะกราฟกองทุนมีแค่ราคา NAV ที่อัปเดตวันละครั้ง ไม่มีแท่งเทียน ไม่มี Volume และไม่เห็นการเคลื่อนไหวระหว่างวันเหมือนกราฟหุ้น

 

แต่จริงๆ แล้ว การอ่านกราฟกองทุนไม่ได้ซับซ้อน แค่เข้าใจวิธีดูกราฟและใช้อินดิเคเตอร์ให้เหมาะสม ก็จะเห็นแนวโน้มได้ชัดขึ้นทันที ในบทความนี้ผมสรุป 5 เทคนิคอ่านกราฟกองทุน ที่ช่วยดูเทรนด์และหาจังหวะเข้าออกได้ง่ายขึ้นมาฝากครับ

1. เข้าใจก่อนว่า “กราฟกองทุนไม่ใช่กราฟหุ้น”

ในขณะที่กราฟหุ้นมีข้อมูลทั้ง ราคาเปิด–สูงสุด–ต่ำสุด–ปิด และ Volume เพื่อให้เห็นอารมณ์ตลาดรายวัน แต่กราฟกองทุนใช้เฉพาะราคา NAV ที่สรุปวันละครั้ง ผลลัพธ์คือมันจะ “ไม่เล่าเรื่องรายวัน” เหมือนกราฟหุ้น แต่จะเล่าเป็น ทิศทางรวม มากกว่า

 

ดังนั้นกราฟกองทุนจึงเหมาะกับการดูว่า ราคาเคลื่อนไปในแนวโน้มใด มากกว่าการหาสัญญาณซื้อขายสั้นๆ การรู้จุดนี้ก่อนจะช่วยให้คุณตีความข้อมูลได้ถูกต้อง และไม่คาดหวังสิ่งที่กราฟกองทุนไม่สามารถบอกได้ครับ

2. ถ้ามีกองทุนมี Benchmark ให้ดูดัชนีประกอบเสมอ

แต่ละกองทุนจะมี “ดัชนีชี้วัด” (Benchmark) เป็นเหมือนตัวบอกทิศทางหลักของกองทุน เช่น กองทุนหุ้นสหรัฐก็มักอ้างอิง S&P500 หรือกองทุนหุ้นจีนอาจอ้างอิง CSI300 แนวโน้มของราคา NAV มักจะขยับไปในทิศทางเดียวกับดัชนีเหล่านี้

 

ดังนั้นก่อนดูกราฟกองทุน ให้เปิดกราฟของ “ตลาดหรือสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง” ควบคู่กัน เพราะถ้าตลาดหลักขึ้นหรือลง กองทุนก็มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันครับ

3. เปลี่ยนกราฟให้มองเทรนด์ง่ายขึ้นด้วย Heikin-Ashi หรือ Renko

วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เห็นแนวโน้มของกองทุนชัดขึ้นคือ “เปลี่ยนรูปแบบกราฟ” ให้ดูเป็นเทรนด์มากขึ้นทันที

  • Heikin-Ashi (HA) ช่วยให้เห็น “โมเมนตัมการแกว่งตัว” ได้ง่ายขึ้น ว่าช่วงไหนราคาแกว่งขึ้นหรือแกว่งลง เหมาะไว้ดูจังหวะของการเคลื่อนไหวระยะสั้น
  • Renko ช่วยให้เห็น “ทิศทางหลักของราคา” มองออกทันทีว่าราคากำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือขาลง

4. เลือก Time Frame และใช้ Indicator ให้เหมาะสม

เวลาจะหาจังหวะเข้าออกกองทุน อาจขยับไปดู Time Frame ใหญ่ อย่าง Week หรือ Month เพื่อให้เห็นทิศทางชัดขึ้น จากนั้นค่อยใช้ Indicator ช่วยดูประกอบ เช่น

  • MACD → ใช้ดูว่ารอบใหญ่กำลังเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ เหมาะกับการมองแนวโน้มสำหรับการถือยาว
  • RSI → ใช้ดูว่าราคากำลัง Overbought หรือ Oversold เพื่อหาโซนที่อาจเกิดการกลับตัว
  • Moving Average (เส้นค่าเฉลี่ย) → ใช้นิยามแนวโน้มง่ายๆ เช่น ราคายืนเหนือเส้น = แนวโน้มเริ่มแข็งแรง, ราคาต่ำกว่าเส้น = แนวโน้มอ่อนตัว

5. หาแนวรับ–แนวต้านของกองทุนด้วย Fibonacci

กราฟกองทุนสามารถตีเส้นแนวรับ–แนวต้านแบบเดียวกับกราฟหุ้นได้เลย แต่เพราะราคา NAV อัปเดตแค่สิ้นวัน ตำแหน่งอาจไม่เป๊ะเหมือนกราฟแท่งเทียน หรืออีกวิธีที่ช่วยได้คือใช้ Fibonacci Retracement เพื่อดูช่วงราคาที่มีโอกาสเป็นแนวรับหรือแนวต้าน ไม่ว่าจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง

เปิด Aspen แล้วอ่านกราฟกองทุนด้วยตัวคุณเอง

เข้าไปที่กราฟกองทุนใน Aspen แล้วลองใช้เทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้—ดูเทรนด์ใน TF ใหญ่ สลับกราฟเป็น HA หรือ Renko และเช็กจังหวะด้วย MACD หรือ Fibonacci คุณจะเห็นภาพการเคลื่อนไหวชัดขึ้นกว่าที่คิดครับ

แชร์ไปที่: